All New ISUZU MU-X ปรับลุคหรู ขับนุ่มนวล ระบบความปลอดภัยชุดใหญ่ พลิกความเป็น MU-X ในแบบเดิม

  • November 06, 2020

       Isuzu MU-X  นับเป็นโมเดลรถธงในแบบอเนกประสงค์ ที่ทางอีซูซุหวังที่จะทำให้ตลาดรถยนต์ PPV กลับมาแข่งขันกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่ มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน ทำการเพิ่มเติมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและฟีเจอร์เด็ดๆ เข้าไปมากมาย กับการเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการ พร้อมนิยามที่ว่า “Originality Redefined เหนือทุกความเชื่อ เหนือทุกความสำเร็จ” โดยสำหรับรุ่นนี้มีการเตรียมวางจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่นย่อย คือ Active, Luxury, Elegant และ Ultimate ซึ่งการเปิดราคาเริ่มต้นที่ 1.109 ล้านบาท ยิ่งทำให้รถเอนกประสงค์รุ่นนี้ น่าสนใจมากขึ้น

 

ปรับลุคหรูขึ้น พลิกความเป็น MU-X ในแบบเดิม

        ไฟหน้าแบบ Bi-LED Projector ดีไซน์แบบ Arrow Signature ช่วยเพิ่มความหรูหราขึ้นอีกระดับ ส่วนไฟท้าย มีดีไซน์แบบ Winglet Signature โคมไฟ LED 3 ระดับ เพิ่มมิติตัวรถให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น และในส่วนของล้อจะให้มาเป็น ล้ออัลลอย ไดนามิกดีไซน์ โดยในรุ่น Active ให้ล้อ 17 นิ้ว ส่วนรุ่น Luxury และ Elegant ใช้ล้อ 18 นิ้ว และสุดท้ายรุ่น Ultimate มาพร้อมกับล้อขนาดใหญ่ 20 นิ้ว

        ต้องบอกว่าการมาของยอดรถอเนกประสงค์เจนฯ ใหม่นี้พลิกความเป็น MU-X แบบไม่หลงเหลือภาพลักษณ์เดิม ให้ความลักชัวรี่ไปอีกระดับ ซึ่งเป็นการผสมผสานความหนักแน่นและเส้นสายที่พลิ้วไหวเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว กระจังหน้าแบบ World Cross Flow ที่ดูโดดเด่น รับกับเส้นข้างตัวถังที่ผสานกับเส้นโครเมี่ยมบริเวณขอบด้านล่างของกระจก ช่วยให้ตัวรถดูโฉบเฉี่ยว

 

ภายใน นั่งสบาย คอนโซลและเบาะนั่งดีไซน์สวย

        การออกแบบห้องโดยสารเน้นไปที่ความพรีเมี่ยม กว้างขวาง ในแบบรถ 7 ที่นั่งเช่นเดิม ใช้แนวคิด Fine, Rich & Impressive Craftsmanship ที่ตกแต่งแบบทูโทนด้วยวัสดุคุณภาพ เสริมความมีระดับด้วยแสงไฟ Ambient Light และ Dome Light เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ต ดูหรูด้วยสีน้ำตาลใหม่ Saddle Brown ออกแบบให้โอบกระชับลำตัว หุ้มด้วยวัสดุพิเศษเดินด้ายอย่างดี โดยเบาะคู่หน้ามีการปรับไฟฟ้า พร้อมกับเทคโนโลยีคลูแม็กซ์ ที่ช่วยลดการสะสมความร้อน ทำให้นั่งนานๆ ได้อย่างสบาย

         คอนโซลหน้าดีไซน์สวย มีการเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับคอนโซลกลาง ดีไซน์ด้วยการตกแต่งสีดำเปียโนแบล็กทั้งหมดล้อมกรอบด้วยโครเมี่ยมสองฝั่ง ตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ จัดวางมาเป็นอย่างดี ใช้งานง่ายช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมและสั่งการทุกๆ อย่างได้สะดวกขึ้น จอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว คมชัด HD รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto (เฉพาะสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับการใช้งาน) พร้อมลำโพง 8 จุด ให้มิติเสียงรอบทิศทาง

 

ระบบความปลอดภัยชุดใหญ่ ทันสมัยขึ้น

          ในเรื่องของระบบความปลอดภัยนั้น ทาง Isuzu ใส่มาให้แบบชุดใหญ่ครับ ทั้ง เข็มขัดนิรภัยเบาะคู่หน้า ELR 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ เบาะตอน 2 ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง และเบาะตอน 3 มี ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง, มีถุงลมคู่หน้า, จุดยึดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กที่เบาะตอน 2, กระจกมองหลังปรับปรับลดแสงสะท้อน, ระบบเบรคมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS, ระบบกันล้อล็อก ABS พร้อมด้วย EBD และ BA, ระบบลดกำลังเครื่องยนต์ BOS, ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC และกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด ให้มาเป็นพื้นฐานตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น (ยกเว้นแต่ในรุ่น Active จะไม่มีกล้องถอยมาให้)

         ที่เป็นไฮไลท์โดยเฉพาะในรุ่น Ultimate ตัวท็อปจะติดตั้งมาให้ ทั้งระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW), ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Autonomous Emergecy Braking (AEB), ระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW), ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด Pedal Misapplication Mitigation (PMM), ระบบตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง Manual Speed Limiter (MSL), ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB) และระบบเบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ Multi-Collision Brake (MCB)

          ส่วนระบบที่เพิ่มเข้ามา ในรุ่น Elegant ขึ้นไป ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS Airbags), ถุงลมด้านข้าง (SRS Side Airbags), ม่านถุงลมด้านข้าง (SRS Roof Rail Airbags), กระจกมองหลังปรับแบบปรับลดแสงสะท้อนได้แบบอัตโนมัติ, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM, ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA, เซ็นเซอร์ช่วยกะระยะ และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อออกห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)

 

ลองขับรุ่นท็อป 3.0 Ultimate 4WD ในสนามทดสอบ 3 รูปแบบ

         ในด้านขุมพลังของตามสเปกของ All-New Isuzu MU-X 2020 นั้น ตั้งแต่รุ่น Active, Luxury และ Elegant จะใช้ขุมพลังจาก เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 Ddi Blue Power Gen2 แบบ 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC คอมมอนเรลไดเรกอินเจกชั่น VGS เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ รหัส RZ4E-TC สามารถทำกำลังสูงสุดได้ 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที ขับเคลื่อนเคลื่อน 2 ล้อ

         ส่วนในรุ่น Ultimate จะสามารถเลือกได้ว่าจะใช้เครื่องยนต์แบบแรก หรือใช้ขุมพลังจาก เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 Ddi Blue Power 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC คอมมอนเรลไดเรกอินเจกชั่น VGS เทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ รหัส 4JJ3-TCX สามารถทำกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้ง 2 ล้อ และ 4 ล้อ และในรุ่นนี้จะมาพร้อมกับระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ด้วย โดยเครื่องทั้ง 2 ตัว ใช้ระบบส่งกำลังจากเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่มาพร้อมโหมด Rev Tronic และ Sequential Paddle Shift ส่วนเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จะมีให้ในรุ่นย่อย Luxury เท่านั้น

        ได้มีโอกาส ลองขับ All-New Isuzu MU-X 2020 ในรุ่นท็อป 3.0 Ultimate 4WD ในสนามทดสอบ 3 รูปแบบ เริ่มจากการให้ทดลองขับด้วยตนเองแบบ CIRCUIT ในสนามทดสอบความเร็วสูง เพื่อทดสอบอัตราเร่งและความต่อเนื่องของระบบส่งกำลังบนความยาว 3,300 เมตร ของสนามที่ประกอบด้วยทางตรงและทางโค้งที่มีความลาดเอียง 4.5 องศา เพื่อทดลองความฉับไวในการออกตัวและการเร่งแซง ที่ปรับมาทำให้ขับขี่สบายและมีความแม่นยำ สามารถยึดเกาะถนนได้ นุ่มนวล และเพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น

 

         ในรูปแบบการทดลองขับด้วยตนเองแบบ CIRCUIT ยังได้ทดลองการทำงาน ของระบบแจ้งเตือนออกนอกเลน (Lane Departure Warning - LDW) ซึ่งเป็น 1 ในระบบ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) ที่พร้อมจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อมีการขับรถออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจอีกด้วย

         จากนั้นจึงเป็นการขับในสถานีพิเศษที่เรียกว่า SPECIAL ROAD SURFACE ที่มีสภาพพื้นผิวถนนหลากหลายรูปแบบ และสถานี HANDLING CIRCUIT ที่มีทั้งทางโค้ง ขึ้นและลงเนิน ซึ่งระบบส่งกำลังและช่วงล่างที่สมบูรณ์แบบตามแนวคิด ISUZU Symmetric Mobility ที่ออกแบบโครงสร้างตัวถัง แชสซีส์ การวางตำแหน่งเครื่องยนต์ และช่วงล่างทำงานร่วมกัน ช่วยซับแรงกระแทก โดยในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Terrain Command ผสานการทำงานกับระบบ Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ และเบรกให้เหมาะสมเพื่อคุมการทรงตัวของรถ

          นอกจากนี้ ยังได้ชมการสาธิตการทำงานของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ที่มีนวัตกรรมกล้องหน้าคู่อัจฉริยะ 3D Imaging Stereo Camera ช่วยตรวจจับวัตถุต่างๆ ด้วยการสแกนภาพ 3 มิติ แบบ Real Time โดยทำงานร่วมกับเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน โดยมีการจำลองสถานีให้ระบบ FCW (Forward Collision Warning) ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า ซึ่งจะทำงานควบคู่กับ AEB (Autonomous Emergency Braking) ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ จะช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่ชะลอความเร็ว และช่วยเบรกกรณีที่ผู้ขับขี่เบรกไม่ทัน เพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดความรุนแรงของการชน และ PMM (Pedal Misapplication Mitigation) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ ด้วยแรงเหยียบเกินกว่า 30% ขณะรถยนต์จอดอยู่หรือเคลื่อนที่ช้าๆ ระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อป้องกัน หรือลดความเสียหายของการชน

         ปิดท้ายด้วยการชมการสาธิตพิเศษกับระบบ ACC (Full Speed Range Adaptive Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชั่น Stop and Go ครั้งแรกในรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ โดยการเข้าร่วมสังเกตการทำงานในรถทั้ง 5 คันที่ระบบจะช่วยควบคุมความเร็วตามรถคันหน้า พร้อมรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย หรือหยุดนิ่งโดยอัตโนมัติ ผ่านการตรวจจับรถยนต์ด้านหน้าด้วยกล้องหน้าคู่ โดยรถที่เปิดระบบ ACC นี้ไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งหรือเบรกแต่อย่างใด

        การทดสอบ All-New Isuzu MU-X ในครั้งแรกนี้นับว่าเป็นการได้ทำความรู้จักกับ All-New Isuzu MU-X 2020 โฉมใหม่นี้ ได้ดีขึ้น ที่สำคัญเมื่อเทียบดูกับออพชั่นต่างๆ ที่ใส่มาในรถแล้ว ต้องขอบอกเลยว่ารถโมเดลนี้น่าสนใจ และมีดีพอจะต่อสู้กับเจ้าตลาด และน่าจะทำให้ตลาดรถยนต์ PPV กลับมาต่อสู่กันอย่างดุเดือดอีกครั้ง

 

AFTER DRIVE BY KAN YENSABAI

         เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ด้วยความเป็นค่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อันดับ 1 ครองใจผู้ใช้รถชาวไทยมานานกว่า 60 ปี ความถนัดในการพัฒนารถบรรทุกกับรถปิกอัพ All New Isuzu D-MAX แล้ว ต้องยอมรับว่า ยังมีรถยนต์อีกกลุ่มที่ค่ายนี้มีความชำนาญไม่แพ้กันคือกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์จาก ISUZU MU-7 ที่โด่งดังจนมาถึง All New ISUZU MU-X เจเนอเรชั่นใหม่

        การปรับลุคของ All New Isuzu MU-X  ในครั้งนี้ผมมองว่ามาถูกทาง เพราะนอกจากกลุ่มลูกค้าที่ใช้ Isuzu เป็นทุนเดิม แล้ว งานนี้ผมมั่นใจว่า All New Isuzu MU-X  จะยังเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ กลุ่มคนเมืองสมัยใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์หรูหรามาเพิ่มขึ้น

         หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ (MU-X) เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดเพียงหนึ่งวันที่ทีมงานอีซูซุได้เชิญให้บรรดาสื่อมวลชนรวมถึงตัวผมเองให้ได้มีโอกาสสัมผัสและทดลองขับ PPV รุ่นใหม่ล่าสุดกันแบบพิเศษ อาจจะไม่ได้ขับเต็มที่แต่ก็เพียงพอที่จะทราบถึงบุคลิกต่างๆ ของตัวรถที่เปลี่ยนแปลงไป

         ถึงแม้จะเป็นการลองขับสั้นๆ แต่ก็สัมผัสได้ครับว่าตัวรถ และฟังก์ชั่นต่างๆ รวมไปถึงระบบความปลอดภัยชุดใหญ่ ทันสมัยขึ้นที่ติดมาจากโรงงานนั้นให้มาอย่างครบถ้วนครบครัน ขนาดและน้ำหนักของพวงมาลัยพาวเวอร์ที่อยู่ในเกณฑ์พอดี เข้าโค้งคมขึ้น กำลังเครื่องขุมพลัง 3.0 ลิตร 190 แรงม้ากับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้การตอบสนองได้อย่างดีไม่มีกำลังขาดตอน ช่วงล่างคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ และส่วนด้านหลังเป็นแบบ 5-Link Suspension พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งทำให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่ดีนุ่มนวลแตกต่างไปจากโฉมก่อนหน้า เรียกว่า มิว-เอ็กซ์ โฉมนี้ อีซูซุ ทำการบ้านมาดี เซ็ตช่วงล่างมาให้สู้กับรถยนต์ได้อย่างสบาย

            ฝากปิดท้ายเรื่องราคา ทางอีซูซุตั้งราคาไว้น่าสนใจครับ รุ่นที่ได้ลองขับ 3.0 Ultimate 4WD  ค่าตัวอยู่ที่  1,579,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 รุ่นย่อย คือ Elegant, Luxury และ Active ที่มีราคาพิเศษช่วงแนะนำเริ่มต้น 1,109,000 บาท ซึ่งถือว่าปรับราคาเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และหากเทียบกับสิ่งได้เพิ่มขึ้นมา ความคุ้มค่า คุ้มราคา น่าจะเป็นจุดแข็งในการตลาดของรถคันนี้ครับ